หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563

ที่มาและความสำคัญ



ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
                ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีภาษาใช้มากมายหลายภาษา แตกต่างไปตามภูมิประเทศ และตามท้องถิ่น อันเนื่องมาจากประเทศไทยมีผู้คนอาศัยอยู่หลายเชื้อชาติหลายศาสนา ประกอบกับมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพื้นบ้าน ซึ่งจะได้รับอิทธิพลมาจากภาษาของประเทศพื้นบ้านได้การติดต่อสื่อสารในยุคปัจจุบันเป็นไปตามลักษณะของท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ ซึ่งแต่ละภาษามีลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นคำที่ใช้ สระที่ใช้ หรือเสียงที่เปล่งออกมาไม่เหมือนกัน
โดยจะเห็นว่าภาษาแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกัน ซึ่งทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างท้องถิ่น เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีการย้ายถิ่นฐานเพื่อประกอบอาชีพกันเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ค้าขาย รับจ้าง กรรมกรทำให้ภาษาถิ่นติดตามมาด้วย ทำให้มีการแลกเปลี่ยนภาษาเกิดขึ้น ดังนั้นกลุ่มของดิฉันจึงได้มองเห็นความสำคัญของภาษาถิ่นที่มีอยู่ เพื่อเป็นแนวทางการศึกษาโดยการใช้ เว็บบล็อก ในการจัดทำโครงงาน

วัตถุประสงค์
                1.เพื่อสำรวจและรวบรวมภาษาถิ่นที่มีอยู่ในอำเภอละงู
2.เพื่อศึกษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างภาษาถิ่นด้วยเว็บบล็อก
3.เพื่อศึกษาการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์เป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาถิ่น

ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
                1.ศึกษาภาษาถิ่นที่มีใช้อยู่ในอำเภอละงูโดยการพูดคุยของผู้คนในชุมชน
2.พัฒนาสื่อโดยใช้เว็บบล็อกเป็นช่องทางในการสื่อสาร

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.ทำให้ได้เว็บบล็อกเรื่อง ภาษาถิ่นในอำเภอละงู
             2.ทำให้ได้รู้ความหมายของภาษาถิ่น
             3.ทำให้รู้ประเภทของภาษาถิ่นของแต่ละพื้นที่



บทที่2.เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง

บทที่ 2
เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง

                ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ กลุ่มของข้าพเจ้าได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการศึกษาเรียนรู้เรื่องภาษาถิ่นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเป็นแนวทางที่ใช้ในการสื่อสารกันอย่างเข้าใจของแต่ละถิ่น
เอกสารที่เกี่ยวข้อง             
ภาษาถิ่น คือ คำที่เรียกภาษาที่ใช้พูดในหมู่ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ต่างๆกันโดยมีลักษณะเฉพาะที่สำคัญของภาษานั้น
ภาษามาตรฐานคือ ภาษาถิ่นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม ทั้งการพูดและการเขียน ถือเป็นภาษากลางที่ใช้ติดต่อสื่อสารเข้าใจกันทั้งประเทศด้วยสำนวน และสำเนียงเดียวกัน ใช้ติดต่อสื่อสารในวงราชการ สถานศึกษาและสถาบันสำคัญในสังคม ในสถานการณ์ ที่เป็นทางการ ภาษาถิ่นที่ได้รับการยอมรับ ให้เป็นภาษามาตรฐานนั้น มักจะเป็นภาษาถิ่นที่ใช้ติดต่อสื่อสาร กันอยู่ในเมืองหลวงของประเทศ ดังเช่น ภาษามาตรฐานของไทยก็ คือ ภาษาถิ่นกรุงเทพมหานคร  ภาษามาตรฐานมีลักษณะดังนี้
1)  เป็นภาษาที่ได้รับการเลือกเฟ้น ภาษามาตรฐานเป็นภาษาถิ่นที่ได้รับการเลือกเฟ้น
จากภาษาถิ่นของบุคคลในถิ่นที่มีบทบาทในการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมแล้วยกระดับ มาตรฐาน ให้ทุกคนใช้เหมือนกันและเข้าใจตรงกัน นอกจากนี้ภาษาถิ่นนั้นจะต้องมี ลักษณะผสมผสาน เอาลักษณะ ของภาษาถิ่นอื่น ๆ ไว้ด้วย
  2)  เป็นภาษาที่ได้รับการรวบรวมหลักเกณฑ์ระเบียบของภาษาไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน นักวิชาการจะต้อง จัดทำพจนานุกรมและตำราหลักภาษาไว้เป็นหลักในการตรวจสอบ และผู้ใช้ยอมรับ ในหลักของภาษา มีการสอน ให้ผู้ใช้ เรียนรู้หลักเกณฑ์การเขียน การอ่านให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
  3)  เป็นภาษาที่ใช้ได้ทุกวงการและทุกสาขาอาชีพ เป็นภาษาที่คนหลายกลุ่มหลายหน้าที่นำไปใช้ได้ และผู้ใช้ภาษา เข้าใจตรงกันทั้งการพูดและการเขียน เช่น ในศาล ในรัฐสภา ในวงการศึกษา วิทยาศาสตร์ การเมืองการปกครอง วิชาการแขนงต่าง ๆ ศิลปกรรม ดนตรีนาฏศิลป์ วรรณคดี และวรรณกรรม เป็นต้น
  4)  เป็นภาษาที่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของสังคม และเทคโนโลยี มีการเพิ่มคำด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การทับศัพท์ การประสมคำ หรือบัญญัติศัพท์ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ในการใช้และสามารถนำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย
 5)  เป็นภาษาที่เป็นที่ยอมรับของคนถิ่นอื่นว่าเป็นภาษาประจำชาติเป็นภาษาที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่าง จากภาษาถิ่นทั่วไป เป็นเอกลักษณ์ของชาติ สร้างความภูมิใจแก่คนในชาติ
ภาษาถิ่น คือ ภาษาย่อยที่ใช้พูดจากันในท้องถิ่นต่าง ๆ  ซึ่งเกิดจากการใช้ภาษาเพื่อการสื่อความหมาย  ความเข้าใจกันระหว่างผู้คนที่อาศัยอยู่ตามท้องถิ่นนั้น ๆ  ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากมาตรฐาน หรือภาษาที่คนส่วนใหญ่ของแต่ละประเทศใช้กัน  และอาจจะแตกต่างจากภาษาในท้องถิ่นอื่นทั้งทางด้านเสียง คำและ การใช้คำ  ภาษาถิ่น เป็นภาษาที่มีลักษณะเฉพาะ ทั้งถ้อยคำและสำเนียง  ภาษาถิ่นจะแสดงถึงเอกลักษณ์  ลักษณะความเป็นอยู่  และวิถีชีวิตของผู้คน ในท้องถิ่นของแต่ละภาค ของประเทศไทย  บางทีเรียกว่า ภาษาท้องถิ่น  และหากพื้นที่ของผู้ใช้ภาษานั้นกว้างก็จะมีภาษาถิ่นหลากหลาย  และมีภาถิ่นย่อยๆ ลงไปอีก เช่นภาษาถิ่นใต้  ก็มีภาษาสงขลา  ภาษานคร  ภาษาตากใบ  ภาษาสุราษฎร์  เป็นต้น   ภาษาถิ่นทุกภาษาเป็นภาษาที่สำคัญในสังคมไทย เป็นภาษาที่บันทึกเรื่องราว ประสบการณ์ และวัฒนธรรมทุกแขนงของท้องถิ่น เราจึงควรรักษาภาษาถิ่นทุกถิ่นไว้ใช้ให้ถูกต้อง เพื่อเป็นสมบัติมรดกของชาติต่อไป  ซึ่งภาษาถิ่นจะเป็นภาษาพูด  หรือภาษาท่าทางมากกว่าภาษาเขียนภาษาถิ่นของไทยจะแบ่งตาม ภูมิศาสตร์หรือท้องถิ่นที่ผู้พูดภาษา นั้นอาศัยอยู่ในภาค ต่าง ๆ แบ่งได้เป็น 4  ถิ่นใหญ่ ๆ  คือ ภาษาถิ่นกลาง  ภาษาถิ่นเหนือ  ภาษาถิ่นอีสานและภาษาถิ่นใต้ภาษาสื่อสารเกิดจากการเรียนรู้ มิใช่สิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดหรือเกิดจากสัญชาติญาณ
มนุษย์เราค่อย ๆ เรียนรู้วิธีการใช้ภาษาเพื่อ การสื่อสารในชีวิตประจำวัน มาทีละเล็กทีละน้อยตามความจำเป็นของชีวิตและมีการเรียนรู้เพิ่มขึ้น และพัฒนาขึ้นตามลำดับ ทั้งภาษาถ้อยคำและภาษา ที่ไม่ใช่ถ้อยคำการใช้ภาษา ในชีวิตประจำวันย่อมมีความแตกต่างกัน ไปบ้างตามกาลเทศะ บุคคล อาชีพ เพศ วัย สภาพทางภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ วิธีการเรียบเรียงถ้อยคำ และการเลือกใช้ถ้อยคำ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มีสิทธิผลทำให้เกิดความแตกต่าง ทำให้เกิดภาษากลุ่มย่อย ๆ ขึ้น แต่อย่างไร ก็ตามไม่ว่าผู้ใช้ภาษา จะอยู่ในสังคมใด ก็ต้องเรียนรู้วิธีการใช้ภาษาของคนในสังคมนั้นให้เข้าใจ ทั้งนี้เพื่อจะได้ใช้ภาษาสื่อสาร ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาษากลุ่มย่อย ต่าง ๆ
ภาษากลาง คือ ภาษาถิ่นที่ใช้สื่อสารอยู่ในจังหวัดของภาคกลาง เช่น เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี  นครปฐม  อ่างทอง  และพระนครศรีอยุธยา  เป็นต้น  ภาษาถิ่นที่ใช้สื่อสารอยู่ในจังหวัดเหล่านี้  มีสำเนียงพูดที่แตกต่างกันออกไป  จะมีลักษณะเพี้ยนเสียงไปจากภาษากลางที่เป็นภาษามาตรฐาน
ภาษาถิ่นใต้ คือ  ภาษาถิ่นที่ใช้สื่อสารอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคใต้ของประเทศไทย ลงไปถึงชายแดนประเทศมาเลเซีย รวม  14  จังหวัด เช่น ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช  เป็นต้น และบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ภาษาถิ่นใต้  ยังมีภาษาถิ่นย่อยลงไปอีก เป็นภาษาถิ่นใต้ ภาคตะวันออก  เช่น ภาษาถิ่นที่ใช้ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช  พัทลุง สงขลา  ปัตตานี  ตรัง  สตูล  ภาษาถิ่นใต้ตะวันตก  เช่น  ภาษาถิ่นที่ใช้ในจังหวัดกระบี่  พังงา  ระนอง  สุราษฎร์ธานีและชุมพร  และภาษาถิ่นใต้สำเนียงเจ๊ะเห  เช่น  ภาษาถิ่นที่ใช้ในจังหวัดนราธิวาส และ  ปัตตานี  ในแต่ละภาคก็จะมีภาษาถิ่นใต้ เป็นภาษาถิ่นย่อยลงไปอีก เช่น  ภาษาถิ่นระนอง ภาษาถิ่นภูเก็ต ภาษาถิ่นพัทลุง ภาษาถิ่นสงขลา เป็นต้น ภาษาถิ่นย่อยเหล่านี้อาจจะมีเสียง และคำที่เรียกสิ่งเดียวกันแตกต่างกันออกไป
อีสานคือ ภาษาถิ่นอีสานของประเทศไทยมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาที่พูดที่ใช้กันในประเทศลาว แต่ภาษาอีสานก็ยังถือว่าเป็นภาษาถิ่นของภาษาไทย ภาษาถิ่นอีสานมีภาษาถิ่นย่อยหลายภาษา  ได้แก่  ภาษาที่ชนกลุ่มใหญ่ในภาคอีสานใช้พูดจากัน  ซึ่งใช้สื่อสารอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ของภาคอีสาน  หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สกลนคร หนองคาย นครพนม ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด  เลย  ชัยภูมิ  มหาสารคาม กาฬสินธุ์ เป็นต้น

หรือภาษาถิ่นพายัพ (คำเมือง)  คือ ภาษาถิ่นที่ใช้สื่อสารอยู่ในบางจังหวัดของภาคเหนือตอนบน หรือภาษาในอาณาจักรล้านนาเดิม  มักจะพูดกันมากในจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน ลำพูน ตาก แพร่  เป็นต้น

บทที่3. วิธีการจัดทำโครงงาน

บทที่ 3
วิธีการจัดทำโครงงาน

1.วัสดุและอุปกรณ์
                วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดทำโครงงานได้แก่
1.คอมพิวเตอร์
2.เอกสารและหนังสือ
2.วิธีการจัดทำโครงงาน
1.ประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับการดำเนินการจัดทำโครงงานโดยแบ่งหน้าที่ศึกษาข้อมูลที่จะทำโครงงาน
2.รวบรวมข้อมูลจากบุคคลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอละงู โดยจดบันทึกคำเป็นตารางอย่างชัดเจน
3.นำเสนอโครงงานต่อครูที่ปรึกษา
4.ประชุมอภิปรายปัญหาต่างๆ และให้ข้อเสนอแนะ
5.นำเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องภาษาถิ่น

ลำดับ
กิจกรรม
เดือนที่1
เดือนที่2
เดือนที่3
เดือนที่4
1
2
3
4
1
2
3
4
1
2
3
4
1
2
3
4
1.
ประชุมเพื่อปรึกษาหารือและแบ่งหน้าที่

P

P














2.
หาข้อมูลจากบุคคลที่อยู่ในพื้นที่อำเภอละงู



P

P

P

P










3.
นำเสนอโครงงานต่อครูที่ปรึกษา







P









4.
ประชุมปัญหาและหาข้อเสนอแนะเพื่อนำกลับมาแก้ไข








P

P


P

P





5.
นำเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่องภาษาถิ่น












P







บทที่ 4.ผลการศึกษา

บทที่ 4
ผลการศึกษา

จากการศึกษาการสร้างเว็บบล็อกเรื่องภาษาถิ่นในการจัดทำโครงงานครั้งนี้ ผู้จัดทำได้นำมาประยุกต์ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้นตลอดจนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผู้ที่สนใจทั่วไป ซึ่งมีผลการดำเนินโครงงานตามขั้นตอนการทำงานที่เสนอไปในบทที่3 จากนั้นได้นำเสนอเผยแพร่ผลงานผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งนี้เว็บเพจดังกล่าวสามารถจัดการและเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่นๆได้เป็นอย่างดีโดยที่ครูที่ปรึกษา เพื่อนๆในห้องเรียนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ โดยเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนออย่างหลากหลายซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้และเป็นแหล่งเรียนรู้ในโลกออนไลน์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว
            การเช้าชมเว็บเพจ
            สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภาษาถิ่นในเว็บไซต์นี้

https://pasatin2020.blogspot.com

บทที่ 5.สรุปผลและข้อเสนอแนะ

บทที่ 5
สรุปผลและข้อเสนอแนะ

สรุปผลการศึกษา
                จากการทำโครงงานภาษาถิ่นที่ใช้ในอำเภอละงูพบว่า มีภาษาถิ่นที่ใช้อยู่หลักๆ ตามภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งก็คือ ภาษาถิ่นภาคกลาง ภาคใต้ และภาษาถิ่นมลายูที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งสามารถเรียนรู้ภาษาถิ่นต่างๆที่เข้ามาในอำเภอละงู เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการสื่อสารของผู้คนแต่ละถิ่น
ข้อเสนอแนะ
                -ควรจัดทำตารางการสำรวมควรให้มีภาษาถิ่นที่หลากหลายทุกกลุ่มของการเรียนรู้
                - ควรมีการจัดทำเนื้อหาของโครงงานให้หลากหลายครบทุกกลุ่มสาระของการเรียนรู้
                - ควรมีการจัดทำแบบทดสอบประเมินเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ
ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา
-คอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินงาน

-บางครั้งอินเตอร์มีปัญหาเมื่อเข้าพร้อมกันก็จะทำให้เกิดความไม่เสถียร หรืออินเตอร์เน็ตติดขัด

บรรณานุกรม

บรรณานุกรม



ภาคผนวก

ภาคผนวก

ที่มาและความสำคัญ

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน                 ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีภาษาใช้มากมายหลายภาษา แตกต่างไปตามภูมิประเทศ และตามท...